แยกให้ออกนะ สิวกับฝีต่างกันตรงไหน

4 ปีที่แล้ว
blog
ปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับผิวพรรณที่ทุกคนจะต้องเคยประสบพบเจอบ่อย ๆ แน่นอน คือ สิวและฝี  ซึ่งปัญหาทั้งสองค่อนข้างมีลักษณะที่คล้ายกันมาก  ทำให้ใครหลายคนอาจเกิดความสับสนได้ว่าอาการแบบไหนกันแน่นะคือสิวและฝี

วันนี้เรามานำเสนอความแตกต่างของลักษณะว่าต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้ดูแลรักษา และป้องกันได้อย่างตรงจุดครับ ฝี คือ ตุ่มหนองอักเสบที่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Staphylococcus Aureus และ Streptococci ฝีในระยะแรกมักเป็นต่อมบวมกลัดหนองด้านใน สัมผัสแล้วเจ็บปวด จากนั้นตุ่มจะค่อย ๆ นิ่ม ขยายใหญ่ และทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น รวมถึงเริ่มมีหนองสะสมภายในจนเห็นเป็นหัวสีขาวด้านบนตุ่ม การอักเสบอาจรุนแรงจนทำให้ผิวหนังรอบฝีอักเสบไปด้วย โดยกรณีของฝีเป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถติดต่อกันได้
สิว เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันในรูขุมขน อาจมีหลายสาเหตุอย่างอื่นทำให้เกิดสิวได้ เช่น เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าไปสะสมอยู่ที่ต่อมขนจนทำให้กลายเป็นสิวอุดตัน ซึ่งบางครั้งอาจมีการอักเสบร่วมด้วย โดยสิวที่อักเสบรุนแรง และมีขนาดใหญ่อาจเป็นสิวซีสต์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับฝี โดยทั่วไปฝีจะมีขนาดใหญ่ บวมแดง และทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าสิว กรณีของสิวเป็นปัญหาผิวหนังที่ไม่สามารถติดต่อกันได้
ฝี และสิวนั้นเกิดจากการอักเสบของรูขุมขน และมีหนองอยู่ภายในเหมือนกัน ทำให้มีลักษณะคล้ายกันมากจนสังเกตความแตกต่างได้ยาก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือวิธีการรักษาฝี หรือสิวไม่ควรที่จะบีบ หรือผ่าเพื่อระบายหนองออกด้วยตัวเอง กรณีที่เป็นฝีควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อผ่าระบายหนองออก และหากอาการมีความรุนแรงก็ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมกัน หรืออาจจะประคบร้อน เพื่อช่วยให้สารภูมิต้านทานและเม็ดเลือดขาวเข้ามาในบริเวณดังกล่าวมากขึ้น เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของการอักเสบ ส่วนกรณีการรักษาสิว หากเป็นสิวที่ไม่รุนแรงอาจรักษาได้ด้วยตนเองโดยใช้ยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. ภายใต้คำแนะนำจากเภสัชกร แต่หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง และได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบ และลุกลามที่มากขึ้นกว่าเดิมครับ วิธีการป้องกันให้ห่างไกลจากสิว และฝี สามารถดูแลปฏิบัติได้เบื้องต้น เช่น หมั่นรักษาความสะอาดร่างกาย ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และปราศจากน้ำมัน ดื่มน้ำเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

Relate Blog Contents